เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ในสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ เทคโนโลยีกาว บิวตี้แคร์ และผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
23 ก.พ. 2565 ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี
เฮงเค็ลเผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับที่ 31 โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับความสำเร็จและความคืบหน้าในปี 2564 และได้สรุปกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนปี 2573+ ใหม่อีกด้วย
“ความยั่งยืนได้หยั่งรากลึกลงไปใน DNA ขององค์กรเรา และเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเรา ในการจัดลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เช่น นวัตกรรมและดิจิทัล ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของวาระการเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายของเรา” คาร์สเทน โนเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฮงเค็ล กล่าว “ความยั่งยืนยังเป็นหนึ่งในค่านิยมของเราและสะท้อนให้เห็นจุดประสงค์ขององค์กรของเรา: Pioneers at heart for the good of generations. ด้วยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่มีเป้าหมายที่แรงกล้ามากขึ้น เราจะเร่งการเปลี่ยนแปลงของเรา พัฒนาพอร์ตโฟลิโอและกระบวนการทำงานของเราไปสู่ความยั่งยืนอย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
“ปีที่ผ่านมาเป็นบททดสอบความยืดหยุ่นของเราในฐานะบริษัท ในฐานะบุคคลและชุมชน ในขณะที่การต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป ความมุ่งมั่นของเราในการจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการเมืองจึงชัดเจนมากขึ้น” ซิลวี นิโคล สมาชิกคณะกรรมการบริหารของเฮงเค็ล ผู้รับผิดชอบงานด้านทรัพยากรบุคคลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวเสริม "ฉันรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ในปี 2564 ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เฮงเค็ลได้พัฒนาความยั่งยืนในด้านสำคัญๆ อาทิ การปกป้องสภาพอากาศและเศรษฐกิจหมุนเวียน"
ในปี 2564 เฮงเค็ลยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนในธุรกิจ ลดการปล่อย CO2 ในการดำเนินงานต่างๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) และความก้าวหน้าในการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน ตลอดจนฐานะการเงินที่ยั่งยืน ฯลฯ
เฮงเค็ลตั้งเป้าลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการผลิตลง 65% ภายในปี 2568 (เทียบกับปีฐาน 2553) และภายในสิ้นปี 2564 เฮงเค็ลได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการผลิตลงแล้วครึ่งหนึ่ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นที่การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการจัดหาไฟฟ้า 100% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2573 ภายในสิ้นปี 2564 เฮงเค็ลได้เปลี่ยนผ่านการผลิตอย่างสมบูรณ์ใน 21 ประเทศ รวมทั้งในโคลัมเบียและฝรั่งเศส ไปสู่การผลิตไฟฟ้าที่หมุนเวียนได้ 100% ในปัจจุบัน เฮงเค็ลมีการใช้พลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 68%
นอกจากนี้ เฮงเค็ลมุ่งมั่นที่จะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายรายตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด และให้ความร่วมมือกับแนวคิดริเริ่มในระดับนานาชาติ อาทิ ธนาคารพลาสติก (Plastic Bank) และเศรษฐกิจพลาสติกใหม่ (New Plastics Economy) โดยมูลนิธิเอลเลน แมคอาเธอร์
ด้านกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ บริษัทฯ มีเป้าหมายในการลดและรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลไปสู่สิ่งแวดล้อม หนึ่งในเป้าหมายหลักภายในปี 2568 คือ บรรจุภัณฑ์ 100% ของเฮงเค็ลสามารถนำไปรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ณ สิ้นปี 2564 ส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 86% นอกจากนี้ เฮงเค็ลยังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์เป็นมากกว่า 30% สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกภายในปี 2568 ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ ได้เพิ่มส่วนแบ่งนี้อยู่ที่ประมาณ 18%
เฮงเค็ลมีความก้าวหน้าที่ดีในการจัดหาแหล่งน้ำมันปาล์มและน้ำมันเมล็ดในปาล์มด้วยความรับผิดชอบ 100% ในปี พ.ศ. 2564 บริษัทได้จัดหาวัตถุดิบ 93% ของข้อกำหนดทั้งหมดและอนุพันธ์ดังกล่าวเป็นวัตถุดิบที่ผ่านการรับรองตามแบบจำลองมวลรวมของ RSPO ("Roundtable on Sustainable Palm Oil") เฮงเค็ลยกย่องความสำเร็จดังกล่าวจากความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับองค์กรพัฒนา Solidaridad ซึ่งสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันรายย่อยในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย จนถึงปัจจุบัน พาร์ทเนอร์ของเราได้สร้างผลกระทบที่ดีต่อเกษตรกรรายย่อยมากกว่า 36,000 รายทั่วโลก
อีกก้าวที่สำคัญคือการประกาศกรอบโครงสร้างการเงินที่ยั่งยืนใหม่ของเฮงเค็ล ซึ่งสร้างการเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างกลยุทธ์ความยั่งยืนและกลยุทธ์การระดมทุน กรอบนี้รวมถึงรูปแบบการจัดหาเงินทุนที่เป็นไปได้สองรูปแบบ: การออกพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนและพันธบัตรเพื่อใช้ในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในปี 2564 เฮงเค็ลวางสองประเด็นแรกภายใต้เงื่อนไขของกรอบการทำงานนี้ ทำให้เราเป็นบริษัทแรกในภาคธุรกิจที่ออกพันธบัตรยูโรซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเชื่อมโยงกับความสำเร็จของเป้าหมายความยั่งยืนที่เฉพาะเจาะจง โดยรวมแล้วมีการออกพันธบัตรที่มีปริมาณมากกว่า 700 ล้านยูโร
ความสำเร็จเหล่านี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเฮงเค็ลที่กำหนดไว้ในกลยุทธ์ระยะยาวในปี 2553 หลังจากทศวรรษที่ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน เฮงเค็ลได้สะท้อนให้เห็นในปี 2564 เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและความคาดหวังสำหรับกลยุทธ์ในอนาคต การทบทวนนี้ส่งผลให้เกิดกรอบการทำงานด้านความยั่งยืน 2573+ ใหม่ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายระยะยาวใหม่ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคมไปสู่ความยั่งยืน
เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนปี 2573+ ของเฮงเค็ลประกอบด้วยสามมิติ:
“เราต้องการให้แน่ใจว่ากรอบการทำงานเป้าหมายของเราสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ผนวกกับการมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งที่เพิ่มขึ้นของเราในสิ่งเหล่านี้” อูริค ซาพิโร่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ลกล่าว “เราพิจารณาแล้วว่าเราจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใด ดำเนินการให้เร็วขึ้น มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น และหนึ่งในผลลัพธ์ที่สำคัญของเรารวมถึงการก้าวไปข้างหน้าในสภาพอากาศเชิงบวกในการผลิตของเราจากเป้าหมายเดิมปี 2583 ถึงปี 2573”
เป้าหมายใหม่ที่สำคัญ ได้แก่:
อูริค ซาพิโร่ กล่าวเสริมว่า “เรารู้ดีว่าโลกรอบตัวเรา ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา และโอกาสในการพัฒนาความยั่งยืนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเหตุผลที่เราวางแผนที่จะทบทวนและปรับปรุงกรอบเป้าหมายด้านความยั่งยืนในปี 2573+ ด้วยเป้าหมายและความทะเยอทะยานที่จับต้องได้ ในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้า”