16 พ.ย. 2563  ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี

ผลการดำเนินงานดี ถึงแม้ตลาดมีความยากลำบาก เนื่องจากวิกฤตโควิด-19

เฮงเค็ล มียอดขายสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3

  • ยอดขายกลุ่มเติบโตร้อยละ 3.9 เป็น 5 พันล้านยูโร ลดลงเพียงเล็กน้อยแค่ร้อยละ 1.5
  • ทุกกลุ่มธุกิจมีพัฒนาการที่ดีในเชิงบวก:
    • ธุรกิจเทคโนโลยีกาว มียอดขายสุทธิเติบโตร้อยละ 1.3 ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ลดลงเพียงเล็กน้อย ร้อยละ 4.8
    • ธุรกิจบิวตี้แคร์ รายงานยอดขายเติบโตร้อยละ 4.3, เพิ่มขึ้นร้อยละ 3
    • ธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มียอดขายสุทธิเติบโตอย่างมากถึงร้อยละ 7.7, เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ร้อยละ 0.7
  • ยอดขายในภูมิภาคมีพัฒนาการและให้ภาพที่แตกต่างกัน โดยตลาดเกิดใหม่ เติบโตสูงถึงร้อยละ 8.8 ในขณะที่ตลาดที่อิ่มตัวแล้วโตเพียงร้อยละ 0.6
  • แนวโน้มสำหรับปีงบประมาณ 2563 ถูกนำเสนอไปเมื่อเดือนตุลาคม

เฮงเค็ล มียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เติบโตอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 3.9 ในไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2563 ถึงแม้สภาวะเศรษฐกิจจะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของวิกฤตโควิด 19 ยอดขายของกลุ่มอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านยูโร สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่ลดลงร้อยละ 1.5 เฮงเค็ล ได้เผยแพร่ตัวเลขเบื้องต้นสำหรับผลการดำเนินงานด้านการขายในไตรมาสที่ 3 และมีการนำเสนอข้อมูลคำแนะนำสำหรับปีงบประมาณ 2563 ใหม่ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

“ผลกระทบจากวิกฤตโควิดที่แพร่กระจายทั่วโลก ยังคงมีผลต่อสภาพตลาด แต่อย่างไรก็ตาม เฮงเค็ล ยังมีผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 3 จากทั้งสามกลุ่มธุรกิจ จากพอร์ตโฟลิโอที่มีการขยายตัวอย่างมาก ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและนวัตกรรมใหม่ สำหรับลูกค้าในธุรกิจอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภค ยิ่งไปกว่านี้ การลงทุนเพิ่มเติมทางการตลาด นวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล กำลังส่งผลให้เห็น เราได้ขยายยอดขายทางออนไลน์อย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 3 เพิ่มสัดส่วนเมื่อเทียบกับยอดขายทั้งหมด มากกว่า ร้อยละ 15” คาร์สเทน โนเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฮงเค็ล กล่าว

“ผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาสที่ 3 ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากความพยายามที่จะไล่ตามเป้าหมายในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤตโควิด 19 กำลังรุนแรง เหนือสิ่งอื่นใด ผลการดำเนินงานที่ดีเกิดขึ้นจากทีมงานระดับโลกที่แข็งแกร่งของเรา แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทายและไม่เคยปรากฏมาก่อนสำหรับพวกเราทุกคน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะอุทิศตนเพื่อความสำเร็จในระยะยาวของเฮงเค็ล”

เฮงเค็ลทำได้ดีภายใต้สภาพแวดล้อมที่ท้าทายในไตรมาสที่ 3 ในเทคโนโลยีกาว สามารถฟื้นฟูดีมานด์ในทุกหน่วยธุรกิจเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และมียอดขายที่เติบโตเป็นบวกเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ ธุรกิจร้านทำผมเริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 แม้ยอดขายต่อปีจะลดลงเล็กน้อย ในทางกลับกัน ในธุรกิจค้าปลีกมียอดขายเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ด้านผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

“ในช่วงวิกฤตโควิด 19 เราสามารถปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ยังคงดำเนินการตามวาระเพื่อการเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายที่เราได้นำเสนอไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยแนวทางใหม่สำหรับทั้งปีที่เราให้ความคาดหวังด้านการพัฒนาของเราในช่วงที่เหลือของปี แม้ว่าเราจะคาดการณ์ว่าเราจะยังคงได้รับผลกระทบในเชิงลบอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในไตรมาสที่ 4 แต่เราคาดว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์ในภูมิภาคที่สำคัญสำหรับเฮงเค็ลดังเช่นที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 อีก เราเชื่อมั่นว่าด้วยการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ไปที่การเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายจะทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีและอยู่รอดอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤตการณ์นี้” นายโนเบล กล่าวเสริม

ยอดขายของทั้งกลุ่ม

ในไตรมาส 3 ปี 2563 ยอดขายของกลุ่มเฮงเค็ล ลดลงเล็กน้อยในอัตราร้อยละ 1.5 เป็น 4,999 ล้านยูโร หากปรับในเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการเข้าซื้อกิจการ/การลดการลงทุน ยอดขายจะเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3.9 ในระดับกลุ่ม การเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากปริมาณ ด้วยราคาและปริมาณที่มีการพัฒนาให้แตกต่างกันของกลุ่มธุรกิจ การเข้าซื้อกิจการและลดการลงทุน ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มร้อยละ 0.1 ผลจากอัตราแลกเปลี่ยน มีผลในเชิงลบถึงร้อยละ 5.5 ของยอดขาย

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ยอดขายลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 4.5 เป็น 14,485 ล้านยูโร หากนับรวมผลกระทบจากปัจจัยอื่น เฮงเค็ล มียอดขายลดลง ร้อยละ 2.1 เนื่องจากปริมาณที่ลดลงเป็นหลัก ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา แนวโน้มราคา มีผลกระทบในเชิงลบเพียงเล็กน้อย โดยรวม ผลการดำเนินงานของเฮงเค็ล ได้รับอิทธิพลจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปี ที่มีผลต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจร้านทำผม  หลังจากการลดลงอย่างมากที่สุดของความต้องการในไตรมาส 2 ธุรกิจของเฮงเค็ล ได้ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 3

ตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) มียอดขายเติบโตร้อยละ 8.8 ในไตรมาสที่ 3 การพัฒนาของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ในตลาดที่เติบโตเต็มที่ (mature markets) มีผลเป็นบวกที่ร้อยละ 0.6 ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ยอดขายลดลงร้อยละ -1.2 เมื่อเทียบเป็นรายปี ในทางตรงข้าม เราสามารถเพิ่มยอดขายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกได้ร้อยละ 10.4 ในภูมิภาคแอฟริกา/ตะวันออกกลาง เรามียอดขายเติบโตขึ้นร้อยละ 13.9 ในไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2563 ยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) เติบโตขึ้นร้อยละ 2.9 ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ และร้อยละ 13.8 ในภูมิภาคละตินอเมริกา การพัฒนาของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นบวกที่ร้อยละ 1.2

ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 ตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) มียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) เติบโตร้อยละ 1.3 ในขณะที่การพัฒนาด้านการขายในตลาดที่เติบโตเต็มที่ (mature markets) ติดลบที่ร้อยละ -4.4

ผลการดำเนินงานด้านการขายในเทคโนโลยีกาว

ยอดขายในหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -4.8 เป็น 2,280 ล้านยูโรในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2563 ที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปรับปรุงแล้ว และการเข้าซื้อกิจการ/การถอนการลงทุน) ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 บวกทั้งในเชิงปริมาณและราคา ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทำให้ยอดขายลดลงร้อยละ -5.5 และการเข้าซื้อกิจการ/การถอนการลงทุนอีกร้อยละ -0.6

ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวมียอดขายลดลงร้อยละ -9.7 ที่ 6,433 ล้านยูโร ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ยอดขายลดลงร้อยละ -6.8 เนื่องจากผลกระทบด้านปริมาณ การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด 19 ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรงต่อผลการดำเนินงานในช่วงแรกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 2 ในไตรมาสที่ 3 ธุรกิจของเรายังคงได้รับผลกระทบในทางลบจากการลดลงของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและยานยนต์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 มีการฟื้นตัวของดีมานด์ในทุกหน่วยธุรกิจ

ในแต่ละหน่วยธุรกิจของเทคโนโลยีกาวนั้น มีผลการดำเนินงานที่หลากหลายในไตรมาสที่ 3 การพัฒนาของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ในธุรกิจยานยนต์และโลหะยังคงต่ำกว่าระดับของปีที่แล้ว จากยอดขายที่ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก โดยธุรกิจมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญในไตรมาสที่ 3 และดีขึ้นในช่วงสามเดือน ในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม การแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบโดยเฉพาะกับธุรกิจอุตสาหกรรมซึ่งมีการพัฒนาในเชิงลบ ในทางตรงข้าม ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่ดี ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค ประสบความสำเร็จในการพัฒนายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของสินค้าอุปโภคบริโภคและบรรจุภัณฑ์ ด้านธุรกิจช่างฝีมือ การก่อสร้างและมืออาชีพ มียอดขายเติบโตเป็นอย่างมาก โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นสองหลักในธุรกิจช่างฝีมือและมืออาชีพ และการเติบโตที่แข็งแกร่งในการก่อสร้าง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความพยายามในการติดตามเป้าหมายในเชิงบวกภายหลังจากผลกระทบที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2

ในแง่ภูมิภาค หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวมีการเติบโตของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ที่แข็งแกร่งมากในตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) ยอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงเปอร์เซ็นเป็นเลขสองหลักในภูมิภาคละตินอเมริกาและยุโรปตะวันออก โดยมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญในภูมิภาคแอฟริกา/ตะวันออกกลาง กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค และช่างฝีมือ การก่อสร้าง และธุรกิจมืออาชีพนั้นเป็นผู้สนับสนุนหลักในการพัฒนายอดขายนี้ ผลการดำเนินงานด้านการขายยังคงทรงตัวในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) การเติบโตที่แข็งแกร่งมากในจีนไม่สามารถหักล้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้

ในตลาดที่เติบโตเต็มที่ (mature markets) มียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ที่ต่ำกว่าในระดับของปีก่อนโดยรวม ภูมิภาคยุโรปตะวันตกได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลการดำเนินงานเชิงลบในธุรกิจยานยนต์และโลหะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม แม้ในภาคธุรกิจช่างฝีมือ การก่อสร้าง และมืออาชีพที่มีการเติบโตของยอดขายอย่างมีนัยยะสำคัญก็สามารถชดเชยผลกระทบในเชิงลบได้เพียงเล็กน้อย ในภูมิภาคอเมริกาเหนือยังได้รับผลกระทบจากดีมานด์ที่ลดลงในภาคธุรกิจยานยนต์และโลหะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม ในทางตรงข้าม ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภคมียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ผลการดำเนินงานด้านการขายในธุรกิจบิวตี้แคร์

ในหน่วยธุรกิจบิวตี้แคร์ ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 เป็น 999 ล้านยูโรในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2563 ที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปรับปรุงแล้ว และการเข้าซื้อกิจการ/การถอนการลงทุน) ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 โดยเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและราคา ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดขายลดลงร้อยละ -3.3 การเข้าซื้อกิจการ/การถอนการลงทุนส่งผลให้ยอดขายเติบโตร้อยละ 2.0

ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 หน่วยธุรกิจบิวตี้แคร์มียอดขายลดลงร้อยละ -3.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมียอดขายอยู่ที่ 2,818 ล้านยูโร ที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ยอดขายลดลงร้อยละ -4.2 เนื่องจากผลกระทบด้านปริมาณ ภายหลังจากการพัฒนาในเชิงลบในธุรกิจร้านทำผมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในไตรมาสที่ 1 และ 2 โดยธุรกิจได้มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญในไตรมาสที่ 3 หลังจากที่อ่อนตัวในช่วง 6 เดือนแรก การพัฒนาด้านการขายในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสินค้าก็แข็งแกร่งมากในไตรมาสที่ 3

ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสินค้ามียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 เช่นเดียวกันกับไตรมาสที่ 2 หมวดผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์ มีการเติบโตในช่วงเปอร์เซ็นเป็นเลขสองหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ Dial สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องมาจากไตรมาสที่ 2 หลังจากประสบกับการพัฒนาการเชิงลบในช่วงครึ่งปีแรกหมวดเครื่องสำอางสำหรับผมมียอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ในผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมในช่วงเปอร์เซ็นเป็นเลขสองหลัก ด้านผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ก็มียอดขายที่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจจัดแต่งทรงผมมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19

แม้ว่าธุรกิจร้านทำผมจะยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ในไตรมาสที่ 3 แต่ก็มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรก การเติบโตปีต่อปีเป็นบวกในภูมิภาคยุโรปตะวันตกและแข็งแกร่งมากในภูมิภาคละตินอเมริกา แม้ว่ายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) จะติดลบ แต่ในภูมิภาคอื่นๆ ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรก

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากในสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสินค้าและการฟื้นตัวของธุรกิจร้านทำผมสะท้อนให้เห็นในแต่ละภูมิภาคเช่นกัน ในตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) มียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมนี้เป็นผลพวงมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในภูมิภาคยุโรปตะวันออกและละตินอเมริกา เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มียอดขายเติบโตเป็นบวก ในทางตรงกันข้าม ภูมิภาคแอฟริกา/ตะวันออกกลางกลับมียอดขายติดลบ

การพัฒนาด้านยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) ในตลาดที่เติบโตเต็มที่ (mature markets) นั้นแข็งแกร่งมาก การเติบโตของยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนืออยู่ในช่วงเปอร์เซ็นเป็นเลขสองหลัก โดยเฉพาะในหมวดผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์ซึ่งมีการเติบโตเป็นเลขสองหลักด้วยเช่นกัน ผลการดำเนินงานที่เป็นบวกในยุโรปตะวันตกนั้นได้รับแรงหนุนจากทั้งธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสินค้าและร้านทำผม ในทางกลับกัน ผลการดำเนินงานในตลาดที่เติบโตเต็มที่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลับติดลบ โดยเฉพาะในธุรกิจร้านทำผม

ผลการดำเนินงานด้านการขายในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน สร้างยอดขาย 1,693 ล้านยูโรในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2563 สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ปรับปรุงแล้ว และการเข้าซื้อกิจการ/การถอนการลงทุน) ยอดขายในหน่วยธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญร้อยละ 7.7 การเติบโตถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลักอันได้แก่ปริมาณเมื่อเทียบกับแนวโน้มราคาที่ติดลบเล็กน้อย การเข้าซื้อกิจการ/การถอนการลงทุนไม่มีผลกระทบต่อยอดขายมากนัก ในทางตรงข้าม ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดขายลดลงร้อยละ -7.0

ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 ยอดขายในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เป็น 5,153 ล้านยูโร ที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ หน่วยธุรกิจนี้มียอดขายเติบโตแข็งแกร่งถึงร้อยละ 5.8 โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณ หลังจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปี หน่วยธุรกิจมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญในไตรมาสที่ 3

ในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เราประสบความสำเร็จอีกครั้งเฉกเช่นเดียวกันกับในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ยอดขายเติบโตในช่วงเปอร์เซ็นเป็นเลขสองหลักในไตรมาสที่ 3 การพัฒนาอย่างแข็งแกร่งของหน่วยธุรกิจนี้เกิดจากผลการดำเนินงานของตระกูลแบรนด์ Pril Bref และ Somat ซึ่งทั้งหมดนี้มีตัวเลขเพิ่มขึ้นสองหลักในหมวดผลิตภัณฑ์ล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิวแข็ง และน้ำยาทำความสะอาดห้องสุขา แนวโน้มนี้ได้รับแรงสนับสนุนทั้งจากความต้องการน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 และจากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จของเรา

ด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ซึ่งน้ำยาซักผ้าสำหรับงานหนักเป็นส่วนสนับสนุนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาก โดยแบรนด์หลักอย่าง Persil มีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมถึงนวัตกรรมของเรา กลุ่มผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกชนิดแคปมีการเติบโตเป็นเลขสองหลักสืบเนื่องมาจากความสำเร็จในช่วง 6 เดือนแรก แบรนด์สินค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือทั้งหมดมีการเติบโตในช่วงเปอร์เซ็นเป็นเลขสองหลัก

ในตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) มียอดขายเติบโตเป็นเลขสองหลักในไตรมาสที่ 3 โดยมีภูมิภาคแอฟริกา/ตะวันออกกลาง เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) และละตินอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ด้านภูมิภาคยุโรปตะวันออกมียอดขายเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ

ผลการดำเนินงานในตลาดที่เติบโตเต็มที่ (mature markets) มีความแข็งแกร่ง ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ที่แข็งแกร่ง การพัฒนาด้านการขายนี้เป็นผลมาจากการพยายามติดตามเป้าหมายในไตรมาสที่ 2 การพัฒนาด้านการขายในภูมิภาคยุโรปตะวันตกเป็นไปในทิศทางที่ดี การเติบโตในตลาดที่เติบโตเต็มที่แล้วอย่างเช่นเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตในช่วงเปอร์เซ็นเป็นเลขสองหลัก

สินทรัพย์และฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ

เมื่อเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสินทรัพย์สุทธิและฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ในช่วงที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

แนวโน้มของกลุ่มเฮงเค็ล

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 และความไม่แน่นอนในระดับสูงเกี่ยวกับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ทางคณะกรรมการ AG & Co. KGaA ของเฮงเค็ลได้ตัดสินใจที่จะไม่ยึดคำคาดการณ์สำหรับปีงบประมาณ 2563 ที่ได้ให้ไว้ในรายงานการจัดการรวมสำหรับปี 2562

จากการพัฒนาด้านธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 และสมมติฐานเกี่ยวกับผลการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่ 4 คณะกรรมการ AG & Co. KGaA ของเฮงเค็ลได้อนุมัติแนวโน้มใหม่สำหรับปีงบประมาณ 2563 ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563

เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจโลกในปีงบประมาณ 2563 สำหรับแนวโน้มใหม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ว่าในไตรมาสที่ 4 ดีมานด์ของภาคอุตสาหกรรมและกิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญกับเฮงเค็ลจะลดต่ำลงกว่าปีที่ผ่านมา แต่จะไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ปัจจัยชี้ขาดในบริบทนี้คือการพัฒนาของอัตราการติดเชื้อทั่วโลกและข้อจำกัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาด ในการกำหนดแนวทางดังกล่าว เฮงเค็ลได้ตั้งสมมติฐานว่าในภูมิภาคหลักที่จำเป็นสำหรับบริษัทฯ จะไม่มีการล็อคดาวน์อีกในไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ 2563

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ กลุ่มเฮงเค็ลคาดว่ายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) จะเติบโตอยู่ในระหว่างร้อยละ -1.0 และ -2.0 ในปีงบประมาณ 2563

สำหรับหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญจากดีมานด์ในภาคอุตสาหกรรมทั่วไปที่ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ เฮงเค็ลคาดการณ์การเติบโตของยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) จะเติบโตอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -5.5 และ -6.5 สำหรับหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ เฮงเค็ลคาดการณ์ว่ายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) จะเติบโตอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -2.0 และ -3.0 การลดลงของยอดขายอย่างชัดเจนในธุรกิจร้านทำผมอันเนื่องมากจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 จะส่งผลกระทบต่อหน่วยธุรกิจนี้ในปีงบประมาณ 2563 ทั้งปี ในขณะที่หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสินค้ายังคงเติบโต ด้านผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เฮงเค็ลคาดว่ายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ ‏(organic sales) จะเติบโตอยู่ในช่วงระหว่าง +4.5 และ +5.5

เราคาดหวังว่าจะมีส่วนช่วยในการเติบโตของยอดขายของกลุ่มเฮงเค็ลจากการเข้าซื้อกิจการในปี 2562 และ 2563 จะอยู่ในช่วงเปอร์เซ็นที่ตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ การแปลยอดขายเป็นสกุลเงินต่างประเทศคาดว่าจะมีผลในเชิงลบเป็นเปอร์เซ็นที่ตัวเลขหลักเดียวในช่วงระดับต่ำถึงระดับกลาง

ในระดับกลุ่ม เฮงเค็ลคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (adjusted EBIT margin) อยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 13.0 และ 13.5 สำหรับหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว เฮงเค็ลคาดว่าส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (adjusted EBIT margin) อยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 14.5 และ 15.0 ด้านธุรกิจบิวตี้แคร์ อยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 10.0 และ 10.5 และธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน อยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 15.0 และ 15.5 การลดลงของยอดขายในอุตสาหกรรมและธุรกิจร้านทำผมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบเชิงลบต่อส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (adjusted EBIT margin) ดังที่ประกาศไปเมื่อต้นปี เฮงเค็ลจะยังคงเพิ่มการลงทุนในด้านการตลาด โฆษณา การเปลี่ยนแปลงไปในด้านดิจิทัล และ IT

กำไรต่อหุ้น (adjusted earning per preferred share or EPS) ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ คาดว่าจะลดลงในช่วงระหว่างร้อยละ -18.0 และ -22.0 ยิ่งไปกว่านั้น เรายังคาดการณ์สำหรับปี 2563 ดังนี้

  • การปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย 250 ถึง 300 ล้านยูโร
  • กระแสเงินสดจากการลงทุนในที่ดิน โรงงาน และอุปกรณ์ และสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนระหว่าง 650 และ 700 ล้านยูโร


คุณคาร์สเทน โนเบิล ประธานกรรมการบริหาร

มาร์โค สโวโบดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน ฝ่ายจัดซื้อและโซลูชั่นธุรกิจบูรณาการ

แม็กกี้ แทน เฮงเค็ล เอจี แอนด์ โค เคจีเอเอ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ +65 6424 7045 ส่งอีเมลล์ ดาวน์โหลดนามบัตร เพิ่มเนื้อหาของฉัน

ข้อมูลเพิ่มเติม