9 ต.ค. 2563  ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี

เฮงเค็ลรายงานยอดขายไตรมาสที่ 3 จากตัวเลขที่ได้จัดทำขึ้นเบื้องต้น

เฮงเค็ลมียอดขายสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3
พร้อมให้คำแนะนำในปีงบประมาณ 2563

  • ยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 3.9 ในไตรมาส 3  
  • หน่วยธุรกิจทั้งหมดมียอดขายสุทธิเติบโตขึ้น
  • ข้อแนะนำในปีงบประมาณ 2563
    • ยอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เติบโตระหว่าง ร้อยละ -1.0 และ -2.0
    • ส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (adjusted EBIT margin) จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 13.0 และ 13.5
    • กำไรต่อหุ้น (adjusted earning per preferred share or EPS) ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ปรับลดลงมาอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -18 ถึง -22

“แม้สภาวะเศรษฐกิจจะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากวิกฤตโควิด 19 แต่จากตัวเลขยอดขายเบื้องต้น เฮงเค็ลมียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 3.9 ในไตรมาส 3 ยอดขายสูงถึงประมาณ 5 พันล้านยูโรและหน่วยธุรกิจทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้น” นายคาร์สเตน โนเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฮงเค็ลกล่าว

“ในเทคโนโลยีกาว ธุรกิจทั้งหมดมีการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ ธุรกิจร้านทำผมเริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ด้านผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง” นายโนเบล กล่าว

จากผลการดำเนินงานเบื้องต้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 เฮงเค็ลได้ให้คำแนะนำใหม่สำหรับปีงบประมาณ 2563 ภายหลังจากที่ได้ถอนคำแนะนำของทั้งปีเมื่อเดือนเมษายน 2563 เนื่องด้วยความไม่แน่นอนในระดับสูงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19

สำหรับกลุ่มบริษัทฯ เฮงเค็ลคาดว่ายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลระทบอื่นๆ (organic sales)  จะเติบโตระหว่างร้อยละ -1.0 และ -2.0 ในปี2563 แม้จะมีการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด แต่การพัฒนารายได้ทั้งปียังคงได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากด้านการขาย เนื่องจากการลดลงอย่างมากในความต้องการในธุรกิจอุตสาหกรรมและธุรกิจร้านทำผม รวมทั้งการลงทุนในด้านการตลาด โฆษณา ดิจิทัล และไอทีที่เพิ่มสูงขึ้น ในระดับกลุ่ม เฮงเค็ลจึงได้คาดการณ์ว่า ส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (adjusted EBIT margin) จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 13.0 และ 13.5 ด้านกำไรต่อหุ้น (adjusted earning per preferred share or EPS) คาดว่าจะลดลงมาอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -18 ถึง -22 ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่

“การพัฒนายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลระทบอื่นๆ (organic sales) ในไตรมาสที่ 3 สะท้อนให้เห็นถึงพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งและหลากหลายของเรา ด้วยแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมสำหรับลูกค้าของเราในธุรกิจอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภค เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยธุรกิจทั้งหมดของเราพัฒนาไปในเชิงบวก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความพยายามเป็นอย่างมากในการติดตามผลกระทบจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 เราคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในไตรมาสที่ 4 เช่นกัน แต่จากการคาดการณ์ของเราในปีนี้ เราเชื่อว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดเพิ่มขึ้นอีก จากการที่เราได้เห็นตัวอย่างจากประเทศต่างๆ ในไตรมาสที่ 2 โดยรวมแล้วเราเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างถูกต้องด้วยการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ไปที่การเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายและแข็งแกร่งขึ้นจากวิกฤต ทั้งนี้เราต้องขอบคุณพนักงานทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นและสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ เป็นอย่างมาก” นายคาร์สเตน โนเบล กล่าวสรุป

ยอดขายเบื้องต้นในไตรมาสที่ 3

จากตัวเลขยอดขายเบื้องต้น เฮงเค็ลมียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เติบโตขึ้นร้อยละ 3.9

จากตัวเลขเบื้องต้น ในเทคโนโลยีกาว หน่วยธุรกิจทั้งหมดมียอดขายสุทธิเป็นบวก ปรับตัวขึ้นที่ร้อยละ 1.3 ในไตรมาสที่ 3 และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 มีความต้องการที่เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญในทุกหน่วยธุรกิจ

จากตัวเลขเบื้องต้น ในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ มียอดขายสุทธิเติบโตสูงถึงร้อยละ 4.3 ในขณะที่ธุรกิจร้านทำผมแม้จะมีตัวเลขที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ก็เริ่มฟื้นตัว ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญในไตรมาสที่ 3

ด้านผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนยังมีความต้องการเป็นอย่างสูงอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขในเบื้องต้นของหน่วยธุรกิจนี้จึงมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญสูงถึงร้อยละ 7.7

ทั้งนี้เฮงเค็ลจะมีแถลงการณ์สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563

ผลการดำเนินงานเบื้องต้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563

จากตัวเลขเบื้องต้น เฮงเค็ลมียอดขายรวมที่ประมาณ 14.5 พันล้านยูโรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 แสดงให้เห็นว่ายอดขายสุทธิ (organic sales) ลดลงร้อยละ -2.1

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ในส่วนของเทคโนโลยีกาวนั้นมียอดขายสุทธิ (organic sales) ลดลงร้อยละ -6.8 ยอดขายในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ ลดลงร้อยละ -4.2 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมียอดขายที่เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญที่ร้อยละ 5.8

แนวโน้มของกลุ่มเฮงเค็ลในปี 2563

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความไม่แน่นอนในระดับสูงของผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ในวันที่ 7 เมษายน 2563 คณะกรรมการบริหารของเฮงเค็ล AG & Co. KGaA จึงได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนแถลงการณ์ที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2563 ที่ประกาศไว้ในรายงานประจำปี 2562

เนื่องด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในปี 2563 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะพัฒนาไปในทางลบอย่างมาก แนวโน้มใหม่นี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าความต้องการด้านอุตสาหกรรมและกิจกรรมทางธุรกิจในด้านที่มีความสำคัญกับเฮงเค็ลในไตรมาสที่ 4 จะลดต่ำลงจากปีก่อน แต่ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ปัจจัยชี้ขาดในบริบทนี้คือการพัฒนาอัตราการติดเชื้อทั่วโลกในอนาคตและข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาด ในบริบทนี้ เฮงเค็ลตั้งสมมติฐานว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์ในภูมิภาคหลักที่จำเป็นสำหรับบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 นี้

เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เฮงเค็ลคาดการณ์ว่าการเติบโตของยอดขายสุทธิ (organic sales) จะอยู่ที่ระหว่าง -1.0 และ -2.0 ที่ระดับกลุ่มของปีงบประมาณ 2563

ในหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาวที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากความต้องการที่ลดลงอย่างกระทันหันจากอุตสาหกรรมทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ เฮงเค็ลคาดการณ์ว่าการเติบโตของยอดขายสุทธิ (organic sales) จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -5.5 และ -6.5 ด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ เฮงเค็ลคาดการณ์ว่าการเติบโตของยอดขายสุทธิ (organic sales) จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -2.0 และ -3.0 การปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญของธุรกิจร้านทำผมนั้นเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนคาดว่าจะมีการเติบโตของยอดขายสุทธิ (organic sales) ในช่วงระหว่างร้อยละ 4.5 และ 5.5

ในระดับกลุ่ม เฮงเค็ลคาดว่าส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (adjusted EBIT margin) จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 13.0 และ 13.5 สำหรับหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว เฮงเค็ลคาดการณ์ว่า ส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT margin) จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 14.5 และ 15.0 ด้านผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 10.0 และ 10.5 และสำหรับผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนคาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 15.0 และ 15.5

ยอดขายที่ลดลงในอุตสาหกรรมและธุรกิจร้านทำผมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีผลในเชิงลบกับกำไรต่อหุ้น (adjusted earning per preferred share or EPS) ดังที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี เฮงเค็ลยังเพิ่มการลงทุนด้านการตลาดและโฆษณา รวมถึงดิจิทัลและ IT

ด้านกำไรต่อหุ้น (adjusted earning per preferred share or EPS) ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ คาดว่าจะลดลงมาอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -18 ถึง -22

แม็กกี้ แทน เฮงเค็ล เอจี แอนด์ โค เคจีเอเอ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ +65 6424 7045 ส่งอีเมลล์ ดาวน์โหลดนามบัตร เพิ่มเนื้อหาของฉัน