เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ในสามกลุ่มธุรกิจของเรา ได้แก่ เทคโนโลยีกาว บิวตี้แคร์ และผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
20 พ.ย. 2562 ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี
ผลประกอบการของเฮงเค็ลในไตรมาส 3 ของปี 2562 นี้ ได้รับผลกระทบจากสภาพตลาดที่มีความยุ่งยากมากขึ้น ยอดขายเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อยและค่อนข้างต่ำกว่าปีที่ผ่านมา อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) ที่ปรับปรุงแล้วและกำไรต่อหุ้น (EPS) มีระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เพราะผลจากการลงทุนเพิ่มขึ้นในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลตามที่ประกาศไว้เมื่อต้นปี
“ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่ละหน่วยธุรกิจของเรามีผลประกอบการแตกต่างกันไป ในธุรกิจเทคโนโลยีกาว ได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ลดลงจากอุตสาหกรรมหลักๆ หลายอย่าง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ
เทคโนโลยีกาวของเราก็ยังมีผลประกอบการที่โดดเด่น ด้วยอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin)
ยังคงอยู่ในระดับสูง” นายฮานส์ แวน ไบเล่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฮงเค็ล กล่าว และการลงทุนเพิ่มเติมในเรื่องการสร้างแบรนด์และนวัตกรรมจะทำให้ส่งผลกระทบในเชิงบวก แต่ผลการดำเนินงานของธุรกิจบิวตี้แคร์ ก็ยังคงต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจสำหรับลูกค้ากลุ่มโปรเฟสชันแนล ยังคงมีผลประกอบการที่ดีเช่นเดิม ส่วนธุรกิจค้าปลีกก็ได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าในตลาดยุโรปตะวันตกและการปรับตัวของตลาดหุ้นในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนนั้น การมีนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบในทางบวกต่อธุรกิจ
สำหรับปีงบประมาณ 2562 นี้ เฮงเค็ลยืนยันผลประกอบการตามที่คาดไว้เช่นเดิม โดยยังคงคาดการณ์การเติบโตโดยรวมระหว่าง 0-2% สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีกาว คาดว่ามีการเติบโตอยู่ที่ -1 ถึง 1% ธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์คาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ -2 ถึง 0% สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนนั้น เฮงเค็ลยังคงคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 2-4%
เฮงเค็ล ยังคงคาดหวัง ผลตอบแทนจากการขายของทั้งกลุ่มธุรกิจ ในระดับ 16-17 เปอร์เซ็นต์
สำหรับกำไรต่อหุ้น (EPS) เฮงเค็ล คาดว่าจะมีการเติบโตแบบเลขตัวเดียวในระดับกลาง ถึง สูง แต่น้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ ภายใต้ระดับอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (ก่อนหน้านี้ คือ เป็นเลขตัวเดียวในระดับกลางๆ ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
ยอดขายในไตรมาสที่สาม ปี 2562 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.8% เป็น 5,077 ล้านยูโร ยอดขายแบบปกติที่ไม่รวมผลกระทบจากค่าเงิน การควบรวมกิจการ/การถอนการลงทุน ลดลงเล็กน้อยประมาณ 0.3 เปอร์เซ็นต์ การซื้อกิจการและการถอนการลงทุนส่งผลต่อการเติบโตประมาณ 0.4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผลกระทบจากค่าเงินทำให้ส่งผลกระทบเชิงบวกมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 0.7 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว รายงานยอดขายติดลบเล็กน้อย โดยลดลง 2.4 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายลดลงประมาณ -2.2 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ประสบความสำเร็จดี มียอดขายเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์
ตลาดเกิดใหม่ที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายที่ดี มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 2.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตลาดที่พัฒนาแล้ว มีอัตราเติบโตแบบติดลบ 2.3 เปอร์เซ็นต์
ยอดขายในยุโรปตะวันตก ลดลง 2.1 เปอร์เซนต์ ในขณะที่ยอดขายในยุโรปตะวันออก เพิ่มขึ้น 7.7 เปอร์เซนต์ สำหรับตลาดแอฟริกา/ตะวันออกกลาง ยอดขายเพิ่มขึ้น 19.1 เปอร์เซนต์ ยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือ ลดลง 3.1 เปอร์เซนต์ ส่วนยอดขายในละตินอเมริกา ลดลง 3.4 เปอร์เซ็นต์ และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยอดขายลดลง 5.7 เปอร์เซนต์
กำไรจากการดำเนินงาน ลดลงร้อยละ 8.2 อยู่ที่ 926 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2561 ที่ 850 ล้านยูโร
ผลตอบแทนจากการขาย (EBIT) อยู่ที่ร้อยละ 16.7 ลดลง 1.7 จุด จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
กำไรต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 9.5 จาก 1.58 ยูโร ในไตรมาส 3 ของปี 2561 มาอยู่ที่ 1.43 ยูโร ณ อัตราแลกเปลี่ยนคำนวณโดยหักผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน กำไรต่อหุ้นลดลงร้อยละ 10.8
เงินทุนหมุนเวียนสุทธิเมื่อคิดเป็นร้อยละของยอดขายอยู่ที่ 5.7 เปอร์เซ็นต์ (ขณะที่ไตรมาส 3 ของปี 2561 อยู่ที่ 6.6 เปอร์เซนต์) ที่ 823 ล้านยูโร กระแสเงินสดไหลเวียนในไตรมาส 3 ของปี 2562 เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอย่างมีนัยยะสำคัญ (จาก 484 ล้านยูโร) การพัฒนาที่เห็นได้เด่นชัดนี้มาจากความสามารถของบริษัทในการทำให้เกิดกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ในไตรมาส 3 ของปี 2562 ยอดขายของหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีกาว อยู่ที่ 2,395 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 0.9 เปอร์เซนต์เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางบรรยากาศการผลิตเชิงอุตสาหกรรมที่ลดลง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ยอดขายปกติลดลง 2.4 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 458 ล้านยูโร ผลกำไรจากการดำเนินงานลดลง 1.7 เปอร์เซนต์ ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ผลตอบแทนจากการขาย เพิ่มขึ้นมา 19.1 เปอร์เซ็นต์ แต่ต่ำกว่าไตรมาส 3 ของปี 2561
สำหรับหน่วยธุรกิจบิวตี้แคร์ ยอดขายในไตรมาส 3 ลดลงร้อยละ 2.2 เนื่องจากธุรกิจยังคงได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดในยุโรปตะวันตกมีการแข่งขันสูงแต่มีการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า และอีกประการคือการที่ธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีนมีมาตรการลดปริมาณสินค้าคงคลัง ในทางตรงข้าม ธุรกิจบิวตี้แคร์ในอเมริกาเหนือกลับมีพัฒนาการไปในเชิงบวก ยอดขายลดลงไป 2.3 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เท่ากับ 970 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานแตะที่ระดับ 144 ล้านยูโรและลดลง 21.2 เปอร์เซนต์จากไตรมาสสามของปี 2561 ยอดขายจากการดำเนินงานต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 14.8 เปอร์เซ็นต์ โดยมีผลมาจากการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น
ยอดขายปกติของธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซนต์ในไตรมาส 3 ของปี 2562 เนื่องจากการเจริญเติบโตระดับเลขสองหลักจากตลาดเกิดใหม่ แต่ในขณะที่ตลาดอเมริกาเหนือตลาดผลิตภัณฑ์ซักล้างยังคงมีแรงกดดัน ยอดขายเติบโตเล็กน้อยที่ 2.5 เปอร์เซนต์มาอยู่ที่ 1,682 ล้านยูโรเมื่อเทียบกับ 1,641 ล้านยูโร ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ตัวเลข 267 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานลดลง 9 เปอร์เซนต์จากไตรมาสเดียวกันของปี 2561 ผลตอบแทนจากการขายอยู่ที่ 15.9 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 2561 เนื่องมาจากมีการขยายการลงทุนเพิ่มตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปี
ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 เฮงเค็ล สร้างยอดขาย 15.2 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 มีการเติบโตของยอดขายปกติ ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบจากค่าเงินและการเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุนในอัตราเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 0.5 เปอร์เซ็นต์
กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว ลดลงร้อยละ 7.5 จาก 2,694 ล้านยูโร เป็น 2,491 ล้านยูโร
ผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับปรุงแล้ว อยู่ที่ร้อยละ 16.4 ลดลงจากร้อยละ 17.9 ในเก้าเดือนแรกของปี 2561
กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว ลดลงร้อยละ 8.5 จาก 4.59 ยูโร ไปอยู่ที่ 4.20 ยูโร ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ทำให้การเติบโตของกำไรต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 8.9
ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมียอดขายปกติลดลงร้อยละ 1.5 โดยมีผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 18.5% (เทียบกับ 18.9% ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน) กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายปกติติดลบร้อยละ 2.3 โดยมีผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 14 เปอร์เซนต์ (เทียบกับ 17.7%ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน) ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมียอดขายปกติเติบโตร้อยละ 3.5 โดยผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจาก 16.6% (เทียบกับ 18.1% ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน)
เนื่องจากการบริหารเงินสดที่แข็งแกร่งและการพัฒนาในเรื่องของเงินทุนสุทธิหมุนเวียนทำให้กระแสเงินสดไหลเวียนในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดจาก 690 ล้านยูโรเป็น 1,813 ล้านยูโร
เงินทุนสุทธิของเฮงเค็ลเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งพันล้านยูโร เมือเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 มี งบดุลอยู่ที่ -2,256 ล้านยูโร (วันที่ 30 กันยายน 2561 อยู่ที่ -3,248 ล้านยูโร)
* ปรับปรุงตัวเลขแล้วจากค่าใช้จ่าย/กำไรในการต่อรองราคาซื้อ และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง
ข้อมูลเพิ่มเติม