22 พ.ย. 2561  ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี

ยืนยันแนวทางของปี 2561 ตามที่คาดการณ์ไว้

เฮงเค็ลรายงานพัฒนาการที่ดีในไตรมาสที่ 3

  • ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 5,037 ล้านยูโร ยอดขายปกติ (Organic Sales) เติบโตขึ้น +2.7%
  • กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT)* ปรับขึ้น +3.3% เป็น 926 ล้านยูโร
  • ส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT margin)* ปรับดีขึ้น +40 จุด เป็น 18.4%
  • กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ (EPS)* เติบโตขึ้น +2.6% เป็น 1.58 ยูโร

“เฮงเค็ลมีพัฒนาการที่ดีในไตรมาสที่ 3 แม้ว่าสถานการณ์ในตลาดจะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากค่าเงินที่ผันผวนและราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่เราก็สามารถสร้างยอดขาย และรายได้ รวมทั้งผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจมีส่วนต่อพัฒนาการเชิงบวกนี้ โดยภาพรวมยอดขายปกติที่เติบโตขึ้นมาจากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวเป็นหลัก ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าผู้บริโภคของเราก็มียอดขายที่เติบโตด้วยเช่นกัน” ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอ ของเฮงเค็ล กล่าว

“ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 เราต้องพบเจอกับสภาพเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ผลกระทบเชิงลบจากค่าเงินทำให้ยอดขายของทั้งกลุ่มลดลงมากกว่า 900 ล้านยูโรในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา แต่เราก็สามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เฮงเค็ลจะมุ่งมั่นผลักดันการดำเนินงานต่างๆ ตามกลยุทธ์ที่วางไว้” ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าว

ยืนยันแนวทางปี 2561 ตามที่เคยคาดการณ์ไว้

เฮงเค็ลยืนยันแนวทางของปี 2561 โดยคาดว่ายอดขายปกติของเฮงเค็ลทั้งกลุ่มจะเติบโตระหว่าง 2-4% นอกจากนี้ยังยืนยันตัวเลขคาดการณ์ยอดขายปกติของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวว่าจะเติบโตขึ้น 4-5% กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์คาดว่าจะมียอดขายปกติเติบโตเชิงบวกที่ 0-2% ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนคาดว่าจะเติบโตระหว่าง 2-4%

เฮงเค็ลยังคงคาดว่าผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) จะเติบโตขึ้นราว 18% จากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วได้ระหว่าง 3-6%

ผลการดำเนินงานด้านยอดขายและกำไรในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561

ยอดขายในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 อยู่ที่ 5,037 ล้านยูโร เติบโตขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายปกติซึ่งไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุน ปรับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างดีที่ 2.7% โดยการเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุนมีส่วนอยู่ 1.6% ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายอยู่ที่ -3.2%

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว รายงานยอดขายปกติที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 3.8% ส่วนกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายปกติเติบโตเชิงบวกที่ 0.5% กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รายงานยอดขายปกติที่ดีโดยเพิ่มขึ้น 2.5%

ตลาดเกิดใหม่ยังคงสร้างการเติบโตของยอดขายปกติให้ทั้งองค์กรได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยมียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 6.8% ส่วนตลาดอิ่มตัวในประเทศพัฒนาแล้วมียอดขายลดลง -0.1% ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ยอดขายในภูมิภาคยุโรปตะวันตกมีพัฒนาการเชิงบวกโดยเติบโตขึ้น 0.6% ส่วนยุโรปตะวันออก มียอดขายเติบโตอย่างดีที่ 7.1% แอฟริกาและตะวันออกกลาง มียอดขายเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักที่ 13.1% อเมริกาเหนือ มียอดขายติดลบเล็กน้อยที่ -0.8% ส่วนละตินอเมริกา มียอดขายเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักที่ 11.5% และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีพัฒนาการเชิงบวกโดยยอดขายเพิ่มขึ้น 1.2%

กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) เพิ่มขึ้น 3.3% จาก 897 ล้านยูโร ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 926 ล้านยูโร

ผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) เติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยเพิ่มขึ้น 0.4 จุด ไปอยู่ที่ 18.4%

กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว เติบโตขึ้น 2.6% จาก 1.54 ยูโรในไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ไปอยู่ที่ 1.58 ยูโรในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อยอดขายอยู่ที่ 6.6% สูงกว่าไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 5.6%

ผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวทำยอดขายปกติเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 3.8% ในไตรมาสที่ 3 โดยในภาพรวมมียอดขาย 2,373 ล้านยูโร ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว เพิ่มขึ้น 2.7% อยู่ที่ 466 ล้านยูโร ผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้ว มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้น 0.5 จุด อยู่ที่ 19.6%

กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายปกติเติบโตในเชิงบวกที่ 0.5% โดยยอดขายในภาพรวมเติบโตขึ้น 5.5% เป็น 993 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้น 6.7% อยู่ที่ 182 ล้านยูโร ส่วนผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้ว ปรับตัวดีขึ้น 0.2 จุด

สำหรับกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน สร้างการเติบโตของยอดขายปกติที่ดีขึ้น 2.5% ในไตรมาสที่ 3 โดยยอดขายโดยรวมเติบโตขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1,641 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว อยู่ที่ 294 ล้านยูโรซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ส่วนผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้ว อยู่ที่ 17.9% ซึ่งมีพัฒนาการคงที่โดยอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่ผ่านมา

มีผลการดำเนินงานที่ดีในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 เฮงเค็ลสร้างยอดขาย 15,015 ล้านยูโร โดยการเติบโตของยอดขายปกติซึ่งยังไม่รวมผลกระทบจากค่าเงินและการเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุน มีการเติบโตที่ดีที่ 2.4% โดยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดขายลดลง -6.0%

กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว เพิ่มขึ้น 1.3% จาก 2,660 ล้านยูโร เป็น 2,694 ล้านยูโร

ผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับปรุงแล้ว มีพัฒนาการที่ดีและปรับเพิ่มขึ้นจาก 17.6% เป็น 17.9%

กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว เติบโตขึ้น 2.0% จาก 4.50 ยูโร เป็น 4.59 ยูโร

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมียอดขายปกติเติบโตอย่างดีเยี่ยมที่ 4.6% โดยมีผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วในเชิงบวกอยู่ที่ 18.9%

ยอดขายของกลุ่มธุรกิจสินค้าผู้บริโภคได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากปัญหาการขนส่งในอเมริกาเหนือ โดย กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์มียอดขายปกติที่ติดลบเล็กน้อยที่ -1.2% ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วในเชิงบวกโดยเติบโตขึ้น 17.7% กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมียอดขายปกติเติบโตเป็นอย่างดีที่ 1.6% โดยผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 18.1%

นับถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 เฮงเค็ลมีเงินทุนสุทธิอยู่ที่ -3,248 ล้านยูโร (วันที่ 31 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ -3,225 ล้านยูโร)

* ปรับปรุงตัวเลขแล้วจากค่าใช้จ่าย/กำไรในการต่อรองราคาซื้อ และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง

แม็กกี้ แทน เฮงเค็ล เอจี แอนด์ โค เคจีเอเอ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ +65 6424 7045 ส่งอีเมลล์ ดาวน์โหลดนามบัตร เพิ่มเนื้อหาของฉัน

ข้อมูลเพิ่มเติม