22 ก.พ. 2561  ดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนี

มีผลการดำเนินงานปี 2560 ที่แข็งแกร่ง

เฮงเค็ลทำสถิติยอดขายและรายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์

  • ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 20,029 ล้านยูโร ทำสถิติยอดขายทะลุเกิน 2 หมื่นล้านยูโรเป็นครั้งแรก ยอดขายรวมเติบโตขึ้น +7.0% ส่วนการเติบโตของยอดขายปกติ (Organic Sales Growth) อยู่ที่ +3.1%
  • ส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT)* เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ถึง +40 จุด ขึ้นเป็น 17.3%
  • กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ (EPS)* เติบโตดีเยี่ยมโดยอยู่ที่ +9.1% เพิ่มขึ้นเป็น 5.85 ยูโร
  • รายงานการจ่ายเงินปันผล** เพิ่มขึ้น +10.5% อยู่ที่ 1.79 ยูโรต่อหุ้นบุริมสิทธิ
  • การดำเนินงานเชิงกลยุทธ์มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
  • ยืนยันตัวเลขการเติบโตคาดการณ์ตามเป้าหมายในปี 2563

“ปี 2560 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จของเฮงเค็ล แม้ว่าสถานการณ์ของตลาดจะมีความท้าทายและผันผวนอยู่ตลอด แต่บริษัทฯ ก็สามารถทำสถิติยอดขายและรายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ และทำสำเร็จตามเป้าหมายด้านการเงินที่วางไว้ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเกิดจากความร่วมมือและความตั้งใจของทีมงานทั่วโลก โดยนับเป็นครั้งแรกที่เราทำยอดขายต่อปีได้มากกว่า 2 หมื่นล้านยูโร นอกจากนี้เรายังทำผลกำไรขั้นต้นได้ตามเป้าและมีกำไรต่อหุ้นที่ทำสถิติใหม่ ซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจของเราที่จะสร้างการเติบโตของผลกำไรอย่างยั่งยืน” ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอ ของเฮงเค็ล กล่าว

“เรามุ่งเน้นการดำเนินตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่วางไว้ และสามารถสร้างความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมจากโครงการและความคิดริเริ่มหลักต่างๆ ในปีที่ผ่านมาเรายังเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจซึ่งจะช่วยเติมเต็มและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ทโฟลิโอของเรา”

ภาพรวมปี 2561

จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2560 และความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมจากการดำเนินตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เฮงเค็ลได้ยืนยันตัวเลขคาดการณ์ในปี 2563 โดยมีการเติบโตของยอดขายปกติระหว่าง 2-4% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้วมีการเติบโตระหว่าง 7-9% และให้ภาพรวมสำหรับปี 2561

ในปี 2561 เฮงเค็ลคาดว่าจะทำยอดขายปกติได้เติบโตขึ้นระหว่าง 2-4% และแต่ละธุรกิจเติบโตในระดับนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) เฮงเค็ลคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 17.5% จากทั้ง 3 หน่วยธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อสะท้อนความผันผวนของค่าเงินโดยเฉพาะแนวโน้มของเงินเหรียญสหรัฐ เฮงเค็ลคาดว่ากำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้วจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 5-8%

“นับจากนี้ เราจะมุ่งสร้างการเติบโตของผลกำไรที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งผลตอบแทนที่น่าสนใจ เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ตามตัวเลขคาดการณ์ที่เราวางไว้ในปี 2563” ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าว

ผลการดำเนินงานด้านยอดขายและรายได้ในปี 2560

ในปีงบประมาณ 2560 เฮงเค็ลทำยอดขายได้มากกว่า 2 หมื่นล้านยูโรเป็นครั้งแรก และเพิ่มขึ้น 7.0% ไปอยู่ที่ 20,029 ล้านยูโร ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีผลเชิงลบโดยรวมต่อยอดขายที่ 2.0% การเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุนมีผลต่อการเติบโตของยอดขายที่ 5.9% ส่วนยอดขายก่อนหักผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการเข้าซื้อกิจการหรือการตัดทอนการลงทุนนั้น มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 3.1% ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางตลอดทั้งปีที่วางไว้ว่ายอดขายปกติจะเติบโตระหว่าง 2-4%

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมีการเติบโตของยอดขายปกติที่แข็งแกร่งที่ 5.0% ส่วนกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์มีการเติบโตของยอดขายปกติเป็นบวกที่ 0.5% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีรายงานตัวเลขยอดขายปกติที่ดี โดยเพิ่มขึ้น 2.0%

ตลาดเกิดใหม่ยังคงสร้างการเติบโตของยอดขายปกติได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายปกติเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 5.3% ส่วนตลาดอิ่มตัวในประเทศพัฒนาแล้ว มียอดขายปกติเติบโตเป็นบวกที่ 1.5%

ยอดขายปกติมีการเติบโตขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก มีสัญญาณการปรับตัวของยอดขายปกติในเชิงบวก ส่วนในยุโรปตะวันออก มียอดขายปกติเติบโต 6.0% แอฟริกาและตะวันออกกลางยอดขายปกติเติบโต 1.7% อเมริกาเหนือยอดขายปกติเพิ่มขึ้น 3.0% ละตินอเมริกายอดขายปกติเติบโต 4.4% และเอเชียแปซิฟิกมียอดขายปกติเพิ่มขึ้น 5.9%

กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) เพิ่มขึ้น 9.1% จาก 3,172 ล้านยูโรเป็น 3,461 ล้านยูโร จากทั้งสามกลุ่มธุรกิจ
ผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) เติบโตเพิ่มขึ้น 0.4 จุดเป็น 17.3% ซึ่งเป็นไปตามแผนการตลอดทั้งปีที่วางไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 17%
งบการเงิน ติดลบที่ -51 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับ -33 ล้านยูโรในปีงบประมาณ 2559 เนื่องจากค่าเข้าซื้อกิจการที่ปิดการเจรจาสำเร็จในปีงบประมาณ 2559 และ 2560
กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ของทั้งปีหลังหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม เพิ่มขึ้น 9.1% เป็น 2,534 ล้านยูโร (ปี 2559 อยู่ที่ 2,323 ล้านยูโร)
กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว (EPS) เติบโต 9.1% จาก 5.36 ยูโรไปอยู่ที่ 5.85 ยูโร ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ในปี 2560 ซึ่งประเมินว่า EPS จะมีการเติบโตราว 9%

คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการกำกับดูแล และคณะกรรมการผู้ถือหุ้น จะนำเสนอในการประชุมสามัญประจำปี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9 เมษายน 2561 ให้เพิ่มเงินปันผลต่อหุ้นบุริมสิทธิขึ้น 10.5% เป็น 1.79 ยูโร (จากในปีที่ผ่านมาซึ่งจ่ายปันผลหุ้นละ 1.62 ยูโร)

เงินปันผลที่นำเสนอสำหรับหุ้นสามัญอยู่ที่ 1.77 ยูโร เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 1.60 ยูโร ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินปันผลที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ เท่ากับการให้อัตราผลตอบแทนสูง 30.7% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของเฮงเค็ลที่ตั้งเป้าจะจ่ายเงินปันผลในอัตราระหว่าง 25-35%

เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ เมื่อเทียบสัดส่วนกับยอดขาย เพิ่มขึ้น 1.3 จุดจากปีก่อนหน้า ไปอยู่ที่ 4.8%
ฐานะทางการเงินสุทธิ เมื่อสิ้นปีอยู่ที่ -3,225 ล้านยูโร (วันที่ 31 ธันวาคม 2559 อยู่ที่ -2,301 ล้านยูโร) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา มีสาเหตุหลักจากการชำระค่าซื้อกิจการต่างๆ

ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวทำยอดขายปกติเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 5.0% ในปี 2560 หากดูภาพรวม ตัวเลขยอดขายมีการเพิ่มขึ้น 4.8% หรือเท่ากับ 9,387 ล้านยูโร ส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเติบโตขึ้น 6.4% ไปอยู่ที่ 1,734 ล้านยูโร และรายได้จากการขายเพิ่มสูงขึ้นทำสถิติใหม่ถึง 18.5%

ด้านกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายปกติในเชิงบวกโดยเติบโตขึ้น 0.5% ในปี 2560 สำหรับยอดขายโดยรวมเติบโตขึ้น 0.8% เป็น 3,868 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้น 2.7% เป็น 665 ล้านยูโร ส่วนรายได้จากการขายที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นอย่างดีเยี่ยมโดยทำสถิติใหม่ที่ 17.2%

สำหรับกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีการเติบโตของยอดขายปกติที่ดีโดยเพิ่มขึ้น 2.0% ในปี 2560 ส่วนยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 14.8% หรือ 6,651 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้น 17.0% เป็น 1,170 ล้านยูโร ส่วนรายได้จากการขายมีการเติบโตที่ดีโดยทำสถิติใหม่ที่ 17.6% การเข้าซื้อกิจการของเดอะซัน โปรดักส์ คอร์ปอเรชั่น (The Sun Products Corporation) มีส่วนสำคัญต่อการสร้างยอดขายและผลกำไรจากการดำเนินงานให้กลุ่มธุรกิจ

วิสัยทัศน์ Henkel 2020+ สร้างความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2560

“เฮงเค็ลมุ่งมั่นดำเนินตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ในปี 2563 และหลังจากนั้น เราต้องการให้บริษัทฯ ของเราสร้างการเติบโตด้านผลกำไรอย่างยั่งยืน และมุ่งเน้นที่ลูกค้า สร้างสรรค์นวัตกรรม มีความยืดหยุ่น และมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น” ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอ ของเฮงเค็ล กล่าว

เพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว เฮงเค็ลได้ตั้งความสำคัญเชิงกลยุทธ์ไว้ใน 4 ส่วน คือผลักดันการเติบโต เร่งการเข้าสู่ดิจิทัล เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน และสร้างการเติบโตของเงินทุน โดยในปีงบประมาณ 2560 เฮงเค็ลมีความก้าวหน้าตามแผนดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

เพื่อผลักดันการเติบโต เฮงเค็ลประสบความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้บริโภคในทุกระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาว เฮงเค็ลได้สร้างแผนการดำเนินงานสำหรับลูกค้าระดับท็อป 100 ราย (roadmaps for the top 100 customers) เพื่อเร่งการเติบโตด้วยโซลูชั่นที่เหมาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย ในส่วนสินค้าผู้บริโภค เฮงเค็ลได้ขยายโครงการดิจิทัล “Connect2Consumer” เพื่อสร้างนวัตกรรมและบริการที่เกิดจากข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค

เฮงเค็ลยังสร้างการเติบโตของแบรนด์ชั้นนำและนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากโซลูชั่นประสิทธิภาพสูงที่เหนือชั้นสำหรับอุตสาหกรรมที่กำลังมีการเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค และอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งอุตสาหกรรมทั่วไป ส่วนกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมและจัดแต่งทรงผม ซึ่งช่วยผลักดันการเติบโตและการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งทางการตลาดให้เฮงเค็ล โดยในส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับช่างผมมืออาชีพในสหรัฐนั้น เฮงเค็ลประสบความสำเร็จในการเปิดตัวแบรนด์ของผู้มีอิทธิพลทางความคิด หรือ influencer เป็นครั้งแรกคือ #mydentity ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมีการขยายพอร์ทโฟลิโอโดยใช้นวัตกรรมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ เช่น ผงซักฟอกชนิดพิเศษ และผลิตภัณฑ์ดูแลห้องน้ำ

หลังจากมีการเข้าซื้อกิจการซัน โปรดักส์ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนในอเมริกาเหนือที่มีการผนวกเข้าด้วยกันนั้นมีผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2560

เฮงเค็ลยังได้เข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจอีกหลายครั้งในปี 2017 โดยมีมูลค่ารวมกันราว 2 พันล้านยูโร ซึ่งจะช่วยเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอและเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันในธุรกิจสำหรับภาคอุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภคได้

เฮงเค็ลยังมองหาโอกาสในการเติบโตใหม่ๆ ผ่านการลงทุนและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและบริการดิจิทัล เช่น ในด้านการพิมพ์สามมิติ และนวัตกรรมโมเดลธุรกิจสำหรับผู้บริโภค

นอกจากนี้การเร่งการใช้งานดิจิทัล ถือเป็นหนึ่งในความสำคัญเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเฮงเค็ลได้ขยายการสร้างปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบดิจิทัลกับทั้งลูกค้า ผู้บริโภค พันธมิตรทางธุรกิจ และซัพพลายเออร์ ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า ที่ผ่านมายอดขายจากช่องทางดิจิทัล มีการเพิ่มขึ้นในระดับตัวเลขสองหลักในทุกกลุ่มธุรกิจ เฮงเค็ลมีการลงทุนใน อุตสากรรม 4.0 (Industry 4.0) ซึ่งใช้แนวคิดของโรงงานอัจฉริยะ ร่วมกับการทำให้ซัพพลายเชนทั่วโลกผสานให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความสามารถด้านดิจิทัลให้กับพนักงาน เฮงเค็ลได้จัดโครงการฝึกอบรมและพัฒนาแบบเฉพาะขึ้น และมีการแต่งตั้งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดิจิทัล หรือ Chief Digital Officer ขึ้นเป็นโครงสร้างเฉพาะเพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลในทุกหน่วยงาน โดย Henkelx จะเป็นแพลทฟอร์มใหม่ที่รวมเครือข่ายทั้งภายในและภายนอก และงานความร่วมมือต่างๆ รวมทั้งเป็นรูปแบบในการมีส่วนร่วมแบบดิจิทัล และวิธีการทำงานรูปแบบใหม่

เพื่อสร้างองค์กรที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เฮงเค็ลได้ปลูกฝังจิตวิญญาณความเป็นเจ้าของธุรกิจให้กับพนักงาน และนำเสนอโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้สามารถปรับตัวในตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น ในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมีการนำโมเดลไปใช้ในแผนกนำร่อง 28 หน่วยงานที่ต้องพบปะกับลูกค้า ซึ่งช่วยให้สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ใกล้ชิดมากขึ้น เฮงเค็ลยังยกระดับขั้นตอนและลำดับการทำงานที่ดีขึ้น เพื่อให้ปฏิบัติงานได้รวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้มีริเริ่มแนวคิด Fastest-Time-To-Market ซึ่งทำให้การนำเสนอนวัตกรรมสู่ตลาดใช้เวลาน้อยลง และเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้รวดเร็วมากขึ้น

โครงการริ่เริ่มเพื่อสร้างการเติบโตของเงินทุน กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมาย คือภายในปี 2563 จะต้องสร้างรายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อปีมากกว่า 500 ล้านยูโร

เฮงเค็ลยังมีโครงการ ONE!ViEW ที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นด้วยการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น และเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานทั่วโลก ส่วน ONE!GSC คือโครงสร้างซัพพลายเชนในทุกกลุ่มธุรกิจของเฮงเค็ลทั่วโลกที่ทำงานแบบบูรณาการ นอกจากนี้ยังเปิดตัวการบริหารจัดการรายได้แบบสุทธิในทุกกลุ่มธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างการทำงานให้มากขึ้น เช่น ใช้แนวทางใหม่ในการทำงานของศูนย์บริการร่วม โดยมุ่งเน้นการทำงานแบบอัตโนมัติและการใช้หุ่นยนต์


*  ปรับปรุงตัวเลขแล้วจากค่าใช้จ่าย/กำไรในการต่อรองราคาซื้อ และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง
** นำเสนอต่อผู้ถือหุ้นในงานประชุมสามัญประจำปี วันที่ 9 เมษายน 2561

แม็กกี้ แทน เฮงเค็ล เอจี แอนด์ โค เคจีเอเอ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ +65 6424 7045 ส่งอีเมลล์ ดาวน์โหลดนามบัตร เพิ่มเนื้อหาของฉัน
หฤชา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง +66 (0) 2718 1886 ต่อ 109
+66 (0) 2716 6466
harucha@124comm.com ดาวน์โหลดนามบัตร เพิ่มเนื้อหาของฉัน